ภายในตัวของฮาร์ดดิสก์
(HARD DISK) ประกอบไปด้วยส่วนที่เป็นเครื่องกลไกและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
ส่วนการอ่านและเขียนฮาร์ดดิสก์
ทำได้โดยการเปลี่ยนแปลงสนามแม่เหล็กที่อยู่บนแผ่นดิสก์ ซึ่งจะหมุนด้วยความเร็ว 3,600 ถึง 7,200 รอบต่อนาที ซึ่งจะอยู่ภายในกล่องสูญญากาศ
โดยการทำงานจะประกอบไปด้วยอุปกรณ์ที่เรียกว่า CONTROLLER ซึ่งจะรับคำสั่งจาก
CARD CONTROLLER และแปลงคำสั่งนั้นให้เป็นสัญญาณไฟฟ้า
เพื่อใช้ในการควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ที่เรียกว่า HEAD ACTUATOR นอกจากนี้มันยังเป็นตัวตรวจเช็คว่ามีข้อมูลอยู่ใน BUFFERS หรือไม่ ถ้ามีก็จะมีการส่งข้อมูลผ่าน HARD DISK ADAPTER ไปยังแอพพลิเคชั่นบัฟเฟอร์ (APPLICATION BUFFERS) HEAD ACTUATOR ก็จะทำหน้าที่เลื่อนหัวอ่านเขียนไปยังแทร็กต่าง ๆ ที่มีข้อมูลอยู่
โดยมีหัวอ่านเขียนเป็นตัวหาข้อมูล ซึ่งหัวอ่าน/เขียนนี้จะลอยอยู่เหนือสารแม่เหล็กที่เคลือบอยู่บนแผ่นจานแม่เหล็กในระยะสูง
10 ไมโครเมตร แกนหมุน SPINDLE จะต่อเข้ากับมอเตอร์เพื่อทำการหมุนแผ่นเพลทภายในหัวอ่านเขียน
ส่วนการอ่าน/เขียนข้อมูลนั้นทำได้โดยการเปลี่ยนแปลงหรือตรวจเช็คความเข้มของสนามแม่เหล็กบนแผ่นดิสก์
ฮาร์ดดิสก์ที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบัน
ซึ่งจะมีความจุสูงหรือที่เราเรียกกันว่า EIDE (ENHANCED
IDE) ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดย WESTERN DIGITAL
เพื่อที่จะนำมาใช้แทนที่ฮาร์ดดิสก์ในระบบ IDE ธรรมดา
ฮาร์ดดิสก์ในระบบ EIDE นี้จะมีความจุสูงกว่าแบบ IDE กล่าวคือฮาร์ดดิสก์ในระบบ IDE จะมีความจุได้ไม่เกิน 540
MB. แต่ในฮาร์ดดิสก์ในระบบ EIDE จะมีความจุสูงสุดได้ถึง
8 GB. ข้อแตกต่างอีกอย่างในระบบ EIDE ก็คือสามารถต่อฮาร์ดดิสก์ได้ถึง
4 ตัว แต่ในระบบ IDE ต่อฮาร์ดดิสก์ได้เพียง
2 ตัวเท่านั้น
และความเร็วในการทำงานหรือการส่งผ่านข้อมูลก็จะเร็วกว่าในระบบ IDE ด้วย
ฮาร์ดดิสก์ที่เราใช้กันอยู่นี้สามารถแบ่งได้เป็น
3 ประเภทหลักคือ
1. ฮาร์ดดิสก์ที่เป็นระบบ
SCSI ฮาร์ดดิสก์ในระบบนี้สามารถที่จะต่อพ่วงกันได้ถึง 8 ตัวในสายสัญญาณเส้นเดียวกัน โดยการ SETUP ที่เรียกว่า
ID HARD DISK ในระบบ SCSI นี้จำเป็นที่จะต้องมี
ADAPTER CARD ช่วยในการทำงาน หรือที่เรียกว่า SCSI
HOST ADAPTER CONTROLLER โดยแบ่งการทำงานออกเป็นรุ่น FAST
SCSI I และ FAST SCSI II
2. ฮาร์ดดิสก์ในระบบ EIDE
ซึ่งได้กล่าวมาบ้างแล้วในข้างต้น
ด้วยความสามารถที่เกือบจะเทียบเท่าฮาร์ดดิสก์ในระบบ SCSI ซึ่งความสามารถนี้เองที่ทำให้เป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน
อีกทั้งยังราคาถูกกว่าระบบ SCSI อีกด้วย
แต่ก็ยังมีข้อจำกัดในเรื่องของ FAT ในระบบ DOS เนื่องจาก DOS มีข้อจำกัดในเรื่องของความจุของฮาร์ดดิสก์ได้ไม่เกิน
2 GB. คุณต้องทำการแบ่ง PARTITION HARD DISK ออกเป็น 2 PARTITIONS พูดง่าย ๆ ก็คือต้องมี DRIVE
C กับ DRIVE D หรือ 2 DRIVE ใน HARD DISK ตัวเดียว
3. ฮาร์ดดิสก์ในระบบ IDE
ปัจจุบันไม่ค่อยเป็นที่นิยมกัน
เพราะมีข้อจำกัดในเรื่องของความจุข้อมูลที่ได้ไม่เกิน 527 MB. ซึ่งในปัจจุบันความต้องการต่อการใช้พื้นที่ในฮาร์ดดิสก์ของโปรแกรมหรือข้อมูลสูงขึ้นมาก
ความจุ 527 MB. เลยดูน้อยไป
ทั้งยังสามารถต่อพ่วงฮาร์ดดิสก์ได้เพียง 2 ตัวเท่านั้น
ส่วนความเร็วในการส่งผ่านข้อมูลนั้นทำได้เพียง 3.3 MB. ต่อวินาที
ซึ่งจะต่างกับฮาร์ดดิสก์ในระบบ EIDE ที่มีอัตราการส่งผ่านข้อมูลอยู่ที่
11.1 MB. ต่อวินาที
การทำงานของฮาร์ดดิสก์นั้น ตัวแผ่นจานจะหมุนเร็วมาก (หลายพันถึงกว่าหมื่นรอบต่อนาที) โดยที่หัวอ่าน/เขียน ซึ่งเป็นอุปกรณ์แม่เหล็กจะลอยเหนือแผ่นแพลตเตอร์ทั้งสองด้านในระยะห่างที่เล็กกว่าขนาดของเส้นผมมนุษย์ การทำงานจะอาศัยการส่งกระแสไฟฟ้าเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสนามแม่เหล็ก โดยที่หัวอ่าน/เขียน จะไม่มีโอกาสสัมผัสกับผิวของแพลตเตอร์แต่อย่างใด เพื่อป้องกันการกระทบกับผิวของแพลตเตอร์ ซึ่งจะทำให้ข้อมูลบนแผ่นเสียหายได้ปัจจุบันมีผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์ออกมาจำหน่ายหลายยี่ห้อด้วยกัน ซึ่งแต่เดิมมีความจุไม่มากเท่าไร แต่ปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ดีกว่าเดิม ทำให้การจัดเก็บข้อมูลของฮาร์ดดิสก์มีขนาดความจุที่มากขึ้นในระดับหลายร้อยกิกะไบต์ (ซึ่งมากกว่าฟล็อปปี้ดิสก์นับแสนเท่า) และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งสามารถรองรับการเก็บข้อมูลที่มีขนาดใหญ่หรือไฟล์ประเภทมัลติมีเดียต่าง ๆ เช่น ไฟล์ภาพยนตร์ วิดีโอ เสียงเพลง ภาพกราฟิก ได้อย่างเพียงพอการเลือกซื้อฮาร์ดดิสก์มาใช้งาน อาจไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงความจุข้อมูลที่มากเกินความจำเป็นก็ได้ แต่ควรคำนึงถึงรูปแบบการทำงานเป็นหลักว่า มีความต้องการบันทึกข้อมูลประเภทใด และฮาร์ดดิสก์ที่ใช้อยู่นั้นเพียงพอหรือไม่ ซึ่งหากไม่พอก็สามารถหาหรือเลือกซื้อฮาร์ดดิสก์แบบถอดได้มาเพิ่มเติม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น