ลำโพง
เป็นอุปกรณ์ที่แสดงผลเป็นเสียงโดยใช้งานคู่กับการ์ดเสียงซึ่งเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทำหน้าที่แปลงสัญญาณดิจิทัลให้เป็นอะนาล็อกแล้วส่งไปยังลำโพง
หลักการทำงานของลำโพง
เมื่อมีการป้อนสัญญาณไฟฟ้าให้กับขดลวดเสียงของลำโพงหรือมีการนำลำโพงไปต่อกับเครื่องขยายสัญญาณเสียงจะมีสัญญาณเสียงออกมาที่ลำโพง
หลักการคือ เมื่อมีสัญญาณไฟฟ้าป้อนเข้ามาจะเกิดเส้นแรงแม่เหล็กเกิดขึ้นโดยรอบอำนาจของเส้นแรงแม่เหล็กจะดูดและผลักกับเส้นของแม่เหล็กถาวรตามสัญญาณไฟฟ้าที่ได้จากความถี่เสียง
ซึ่งมีความถี่เสียงตั้งแต่ 20 Hz
- 20 KHz ที่มีการเปลี่ยนแปลงเฟสตลอดเวลาทำให้กรวยกระดาษที่ยึดติดกับขดลวดเสียงเกิดการเคลื่อนที่ดูด
และผลักอากาศ จึงเกิดเป็นคลื่นเสียงขึ้น
ลักษณะการทำงานของลำโพง
หูฟัง
เป็นอุปกรณ์ที่แสดงผลเป็นเสียงโดยใช้งานคู่กับการ์ดเสียงซึ่งเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทำหน้าที่แปลงสัญญาณดิจิทัลให้เป็นอะนาล็อกแล้วส่งไปยังลำโพง
หลักการทำงานของหูฟัง
โดยแบ่งตามประเภทของ Driver ของหูฟัง 2 ประเภทหลัก ๆ คือ Dynamic
Transducer และ Electrostatic
1. Dynamic Transducer ในส่วนของ Driver ประกอบด้วย แม่เหล็กถาวรที่ยึดติดกับกรอบของ Driver หรือ
Chamber ของหูฟัง ซึ่งแม่เหล็กนี้จะสร้างสนามแม่เหล็กขึ้นมาเพื่อให้
Diaphragm ที่ยึดติดกับ Voice Coil โดย
Diaphragm และ Voice จะอยู่ในสนามแม่เหล็กอันนี้เมื่อเวลาฟังเพลงจะมีสนามแม่เหล็กอีกสนามถูกสร้างขึ้นจากกระแสไฟจากเครื่องเล่นเมื่อเวลาเล่นเพลงต่าง
ๆ ที่ Voice Coil โดยสนามแม่เหล็กที่สร้างขึ้นมาใหม่จะไปเสร้างแรงอันตรกิริยา
(Reaction Force) กับสนามแม่เหล็กเดิม
ซึ่งทำให้เกิดการสั่นของ Diaphragm ทำให้เกิดเสียงที่ได้ยิน
2. Electrostatic Transducer ในส่วนของ Driver จะประกอบด้วย Charged membrane เมื่อเริ่มใช้งานประจุไฟฟ้าจะถูกอาบอยู่ที่ผิวของ
Charged membrane เมื่อมีสัญญาณไฟฟ้าไปกระตุ้นทำให้ประจุไฟฟ้าเกิดแรงผลักหรือดึงดูดกัน
ทำให้แผ่น Membrane ขยับและเกิดเสียงต่าง ๆ แต่อย่างไรก็ตาม Electrostatic
Transducer ต้องใช้แหล่งจ่ายไฟที่สามารถให้ความต่างศักย์ได้สูง
เพื่อที่จะไม่ให้เกิดประจุไฟฟ้าได้ทั่วทั้งแผ่น Membrane ซึ่งไม่สะดวกในการพกพาเท่า
Dynamic Transducer
ลักษณะการทำงานของหูฟัง
เครื่องพิมพ์
เป็นอุปกรณ์ต่อพ่วงที่จะผลิตข้อความหรือกราฟิกของเอกสารที่เก็บไว้ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ออกมาในสื่อทางกายภาพ
เช่น กระดาษหรือแผ่นใส เครื่องพิมพ์ส่วนมากเป็นอุปกรณ์ต่อพ่วงทั่วไปและเชื่อมต่อด้วยสายเคเบิลเครื่องพิมพ์หรือในเครื่องพิมพ์รุ่นใหม่จะเป็นสาย
USB
เครื่องพิมพ์บางชนิดที่เรียกกันว่าเครื่องพิมพ์เครือข่าย (Network Printer)
อินเตอร์เฟซที่ใช้มักจะเป็นแลนไร้สายหรืออีเทอร์เน็ต
เครื่องพิมพ์แบบจุด (Dot-Matrix Printers)
คุณภาพของงานพิมพ์ของเครื่องพิมพ์ชนิดนี้จะขึ้นอยู่กับจำนวนจุดของเครื่องเพราะผลที่ได้จากการพิมพ์จะมีลักษณะเป็นจุดเครื่องพิมพ์ชนิดนี้เหมาะสำหรับงานพิมพ์ที่ไม่ต้องการความละเอียดมากนัก
เครื่องพิมพ์แบบจุดนี้จัดเป็นเครื่องพิมพ์แบบกระทบ ( impact printer ) คือ
เวลาพิมพ์หัวพิมพ์จะกระทบกับผ้าหมึก
เครื่องพิมพ์เลเซอร์
เครื่องพิมพ์เลเซอร์
(laser printer) ใช้หลักการเปลี่ยนตัวอักษรและภาพให้เป็นสัญญาณภาพที่มีความละเอียดตั้งแต่
200 จุดถึง 1200 จุดต่อนิ้ว หลักการทำงานโดยทั่ว ๆ ไป จะใช้แสงเลเซอร์วาดภาพที่จะพิมพ์ลงบนกระบอกรับภาพ
(เช่นเดียวกับ เครื่องถ่ายเอกสาร) โดยกระบอกรับภาพจะมีประจุไฟฟ้า ตามรูปร่างของภาพเมื่อกระบอกรับภาพหมุนมาถึงตัวปล่อยผงหมึก
ผงหมึกจะเกาะ เฉพาะบริเวณที่ไม่มีประจุไฟฟ้าแล้วกระบอกรับภาพ
จะอัดผงหมึกลงบนกระดาษแล้วอบด้วยความร้อนภาพพิมพ์ก็จะติดบนกระดาษ
มีทั้งเครื่องพิมพ์ขาวดำ และเครื่องพิมพ์สี ซึ่งราคาจะแพงมาก
ส่วนตลับหมึกของเครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์จะบรรจุในตลับที่เรียกว่า โทนเนอร์ (toner)
ไม่สามารถเติมหมึกได้ ต้องเปลี่ยนเลย เวลาเปลี่ยนต้องเปลี่ยนทั้งชุดปัจจุบันเครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์
มีการพัฒนาไปหลายรูปแบบ โดยมีรูปหนึ่งที่น่าสนใจ คือ เป็นเครื่องพิมพ์เลเซอร์
พร้อมอุปกรณ์สแกนเนอร์ และเครื่องโทรสารในเครื่องเดียว
หลักการทำงานของเครื่องพิมพ์เลเซอร์แบบขาวดำ
ระบบจะส่ง
ASCII code หรือ PDL ไปยังโปรเซสเซอร์ของเครื่องพิมพ์
โปรเซสเซอร์จะทำหน้าที่สั่งให้เลเซอร์เปิดและปิดอย่างรวดเร็ว
กระจกที่หมุนอยู่ตลอดเวลาจะตรวจจับลำแสงเลเซอร์ทำให้ลำแสงเป็นลำแสงในแนวขวางผ่านพื้นผิวของวัตถุทรงกระบอกที่เรียกว่า
ดรัม หรือ OPC ย่อมาจาก Organic Photoconducting
Cartridge ลำแสงเลเซอร์ที่เปิดปิดอย่างรวดเร็วผ่านกระจกหมุนไปยังดรัมทำให้เกิดจุดสว่างเล็กๆเมื่อลำแสงเลเซอร์ตกกระทบที่พื้นผิวของดรัมในทางกว้างหมดแล้ว
ดรัมจะหมุนด้วยระยะ 1/300 หรือ 1/600 นิ้ว จากค่าที่กำหนด
แสงเลเซอร์ก็จะยิงไปที่ดรัมที่บรรทัดหรือแนวต่อไป ในเครื่องพิมพ์บางประเภทใช้
หลอดไฟ ที่เรียกว่า LED ย่อมาจาก Small
Light-Emitting Diodes) ทำหน้าที่ตรงส่วนนี้แทนแสงเลเซอร์
แต่ทำให้เกิดการเคลื่อนที่ของกลไกน้อยกว่า
หลักการทำงานของเครื่องพิมพ์เลเซอร์สี
การทำงานจะคล้ายกับเลเซอร์ขาวดำเครื่องพิมพ์จะเริ่มสร้างภาพที่ต้องการพิมพ์โดยการหมุนของสายพานและฉายลำแสงเลเซอร์ไปยังบริเวณต่าง
ๆ เมื่อแสงตกกระทบที่ดรัมจะทำให้เกิดประจุไฟฟ้าดรัมจะหมุนสี่รอบแต่ละรอบจะสร้างภาพของแต่ละสีที่ใช้ในการพิมพ์
ได้แก่ ดำ ม่วงแดง น้ำเงินเขียว และเหลือง ในระหว่างที่ดรัมหมุนจะไปสัมผัสกับโทนเนอร์ซึ่งเป็นที่สำหรับเก็บหมึกที่ถูกแบ่งออกเป็นสี่ส่วนของแต่ละสี
ดรัมจะหมุนเพื่อสร้างภาพสีของแต่ละสีจะเกิดการผสมกันจนได้ภาพจริงแล้วส่งไปยังสายพานลำดับที่สอง(secondary transfer belt) ต่อจากนั้นกระดาษจะถูกดูดเข้าไปผ่านสายพานลำดับที่สองที่มีภาพอยู่
แล้วลูกกลิ้งจะกดทับสายพานให้ติดกับกระดาษเพื่อทำให้ผงหมึกบนสายพานไปติดบนกระดาษทำให้เกิดภาพสีที่ต้องการบนกระดาษในที่สุด